พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2542
ให้ไว้
ณ วันที่ 14 สิงหาคม
2542 ประกาศ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2542
มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
รักษาการ
เกิดจากหมวด 5 มาตรา 81 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
(จัดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติ)
มาตรา 4 การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้
เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม
การสืบสานทางวัฒนธรรม การสรรค์สร้าง จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้
อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้
และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดชีวิต
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า
การศึกษาอันเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผล และการติดตามตรวจสอบคุณภาพ
และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรในสถานศึกษา / หน่วยงานต้นสังกัด
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า
การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพทางการศึกษา ( สมศ )
ผู้สอน หมายความว่า ครู
และคณาจารย์ในสถานศึกษาต่าง ๆ
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ซึ่งที่มีหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน
ในสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า
บุคลากร ซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอน และการวิจัย ในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐ/เอกชน(ข้อสังเกต ไม่มีคำว่า วิชาชีพ/การเรียน/การส่งเสริม)
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา ทั้งรัฐ และเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพ ที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษา
นอกสถานศึกษา ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา และผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งทำหน้าที่ในการให้บริการจัดกระบวนการเรียนการสอน
การนิเทศ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มี 9 หมวด
78 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
หมวดที่ 1 บททั่วไป ความมุ่งหมาย
และหลักการ ( มาตรา 1
– 9 )
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทย
ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย
จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
มาตรา 8 หลักการจัดการศึกษา มีองค์ประกอบ ดังนี้
1. เป็นการศึกษาตลอดชีวิต
สำหรับประชาชน
2. ให้สังคมมีส่วนร่วม
ในการจัดการศึกษา
3. การพัฒนาสาระ
และกระบวนการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
หมวดที่ 2 สิทธิ
และหน้าที่ทางการศึกษา ( มาตรา 10 – 14 )
มาตรา 10 การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิ
และโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
ไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้ อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
การศึกษาสำหรับคนพิการ รัฐต้องจัดให้ตั้งแต่แรกเกิด
หรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลือ
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ รัฐต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคล (
ความแตกต่างระหว่างบุคคล )
มาตรา 13 บิดามารดา หรือผู้ปกครอง มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ ( การศึกษาตามอัธยาศัย
)
1. การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
มาตรา 14 บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา
สถานประกอบการ และอื่น ๆ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์
( การศึกษาตามอัธยาศัย )
1. การสนับสนุนจากรัฐ
ให้มีความรู้ ความสามารถในการอบรมเลี้ยงดู และการศึกษาบุตร
2. เงินอุดหนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
3. การลดหย่อน
หรือยกเว้นภาษี สำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา
หมวดที่ 3 ระบบการศึกษา ( มาตรา 15 – 21 )
มาตรา 15 ระบบการศึกษา มี 3 ระบบ
1. การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลา
ของการศึกษา
การวัดผล และประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน
2. การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย
วิธีการ
ศึกษา
หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา
3. การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ
มาตราที่ 16 การศึกษาในระบบ มี
2 ระดับ คือ
1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดให้ไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนอุดมศึกษา
2. การศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
มาตรา 17 การศึกษาขั้นบังคับ จำนวน
9 ปี โดยเด็กอายุย่างเข้าปีที่ 7 เข้าเรียนในสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
จนอายุย่างเข้าปีที่ 16 เว้นแต่สอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ
มาตรา
18 การจัดการศึกษาปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ให้จัดในสถานศึกษา ดังนี้
1. สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เช่น ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
2. โรงเรียน เช่น โรงเรียนรัฐ / เอกชน
3. ศูนย์การเรียน
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา (มาตรา 22 – 30) เป็นหัวใจของ
พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 22 การจัดการศึกษายึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ และถือว่า ผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศักยภาพ
มาตราที่ 23 จุดเน้นในการจัดการศึกษา ( ทั้ง 3 ระบบ )
1. ความรู้ 2.คุณธรรม 3. กระบวนการเรียนรู้
4. บูรณาการ ตามความเหมาะสม ดังนี้
· ความรู้เกี่ยวกับตนเอง
และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม รวมถึงประวัติความเป็นมาของสังคมไทย
และระบอบการปกครอง
· ความรู้
และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
· ความรู้เกี่ยวกับศาสนา
ศิลปะวัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
· ความรู้
และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
· ความรู้
และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
มาตรา 25 รัฐส่งเสริมการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดประเมินผู้เรียน ควบคู่กับกระบวนการเรียนการสอน ( โดยถือว่าการประเมินผล เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษา
และเป็นหน้าที่ของสถานศึกษา )
มาตรา 27 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนด หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรา 30 สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมผู้สอนให้
สามารถวิจัย
เพื่อพัฒนาผู้เรียน
หมวด 5 การบริหาร
และการจัดการศึกษา ( มาตรา 31 – 46 )
ส่วนที่ 1 การบริหาร และการจัดการศึกษาของรัฐ
มาตรา 32 การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ที่เป็นองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภา จำนวน 4 องค์กร คือ
( ข้อสอบแน่ ๆ )
1. สภาการศึกษา มีหน้าที่
· พิจารณา
เสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ กับการศึกษาทุกระดับ
· พิจารณาเสนอนโยบาย
แผน และมาตรฐานการศึกษา
· พิจารณาเสนอนโยบาย
และแผน ในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษา
· ดำเนินการประเมินผลการจัดการศึกษา
· ให้ความเห็น
และคำแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย และกฎกระทรวง
· คณะกรรมการสภาการศึกษา ( จำนวน 59 คน )ประกอบด้วย
( ข้อสอบ )
· ประธานกรรมการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
· กรรมการโดยตำแหน่ง
· ผู้แทนองค์กรเอกชน
· ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
· ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
· ผู้แทนคณะสงฆ์
· ผู้แทนศาสนาอิสลาม
· ผู้แทนศาสนาอื่น
· ผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 30 คน )
· เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
2. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีหน้าที่ พิจารณา เสนอแผนพัฒนามาตรฐาน
และ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติ
การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
( ข้อสอบ )
· คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
· กรรมการโดยตำแหน่ง
( ปลัดกระทรวง / เลขาฯ สภา / เลขาฯ อุดมศึกษา / เลขาฯ อาชีวศึกษา / เลขาฯ คุรุสภา / ผอ.สำนักงบประมาณ
/ ผอ.สำนักสอนวิทย์ และเทคโนฯ / ผอ.สำนักรับรองมาตรฐาน และประกันคุณภาพ)
· ผู้แทนองค์กรเอกชน
· ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
· ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ( ไม่มีผู้แทนศาสนา )
· ผู้ทรงคุณวุฒิ
ไม่น้อยกว่ากรรมการประเภทอื่นรวมกัน ( 12 คน
และผู้แทนพระ 1 รูป )
· เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เป็นกรรมการ และเลขานุการ ( เป็นนิติบุคคล )
· คณะกรรมการการอาชีวศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )
· คณะกรรมการการอุดมศึกษา ( ลักษณะคล้ายกันกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน )
มาตรา 37 การบริหาร และการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา
โดยคำนึงถึง
1. ปริมาณสถานศึกษา
2. จำนวนประชากร
3. วัฒนธรรม
4. ความเหมาะสมด้านอื่น
ๆ ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
· รัฐมนตรีกระทรวง โดยคำแนะนะของ สภาการศึกษา มีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
( ข้อสอบ )
มาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจในการ กำกับ
ดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษา ( ข้อสอบออกแน่ ๆ )
· คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา ( จำนวน 15 คน )ประกอบด้วย
· ผู้แทนองค์กรชุมชน
· ผู้แทนองค์กรเอกชน
· ผู้แทนองค์กรส่วนท้องถิ่น
· ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู
· ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพบริหารการศึกษา
· ผู้แทนสมาคมผู้ปกครอง และครู
· ผู้ทรงคุณวุฒิ
· ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
· คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย
· ผู้แทนผู้ปกครอง
· ผู้แทนครู
· ผู้แทนองค์กรชุมชน
· ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
· ผู้แทนศิษย์เก่า
· ผู้แทนพระภิกษุ/องค์กรศาสนาอื่น
· ผู้ทรงคุณวุฒิ
· ผู้บริหารสถานศึกษา เป็นกรรมการ และเลขานุการ
ส่วนที่ 2 การบริหาร
และการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
ส่วนที่ 3 การบริหาร
และการจัดการศึกษาของเอกชน
มาตรา 44 สถานศึกษาเอกชน เป็น นิติบุคคล
· คณะกรรมการสถานศึกษาเอกชน ประกอบด้วย
· ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
· ผู้รับใบอนุญาต
· ผู้แทนผู้ปกครอง
· ผู้แทนองค์กรชุมชน
· ผู้แทนครู
· ผู้แทนศิษย์เก่า ( ไม่มีผู้แทน องค์กรส่วนท้องถิ่น และ ศาสนา )
· ผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 45 สถานศึกษาเอกชน มีสิทธิจัดการศึกษาได้ทุกระดับ
หมวดที่ 6 มาตรฐาน
และการประกันคุณภาพทางการศึกษา ( มาตรา 47
– 51 )
มาตรา 47 ให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษา
ทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน
และระบบการประกันคุณภาพภายนอก
มาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัด
และสถานศึกษา จัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน
โดยให้ถือว่า การประกันคุณภาพภายใน
· เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษา
· ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
· จัดทำรายงานประจำปีเสนอหน่วยงานต้นสังกัด
/ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
· เปิดเผยต่อสาธารณชน
มาตรา 49 ให้มี สำนักงานรับรองมาตรฐาน
และประเมินคุณภาพทางการศึกษา มีฐานะเป็น
องค์กรมหาชน มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการ และทำการประเมินคุณภาพภายนอก เพื่อตรวจสอบ คุณภาพ ของสถานศึกษา อย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุก 5 ปี
นับแต่ประเมินครั้งสุดท้าย และเสนอผลต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสาธารณชน
มาตรา 51 กรณีผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษา
ไม่ได้มาตรฐานให้ สมศ. จัดทำข้อเสนอแนะ
การปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ดำเนินการให้รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
หมวดที่ 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ( มาตรา 52 – 57 )
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ มีอำนาจ
( ทำให้เกิด
พ.ร.บ.สภาครู ฯ )
· กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
/ ออก และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
กำกับดูแลการ
ปฏิบัติตามมาตรฐาน
และจรรยาบรรณของวิชาชีพ / พัฒนาวิชาชีพ
· ครู
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา
และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐ
และเอกชน
ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ยกเว้น
· บุคลากรที่จัดการศึกษา
ตามอัธยาศัย
· ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตการศึกษา
· วิทยากรพิเศษทางการศึกษา
· คณาจารย์
ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา
หมวดที่ 8 ทรัพยากร
และการลงทุน เพื่อการศึกษา ( มาตรา 58 – 62 )
มาตรา 59 บรรดาอสังหาริมทรัพย์ของสถานศึกษาของรัฐ ที่เป็นนิติบุคคลได้มา
โดยมีผู้อุทิศให้หรือซื้อ แลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาไม่ถือเป็นที่ราชพัสดุ
ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษา ( ข้อสอบ )
· บรรดารายได้
และผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง
ให้จัดสรรเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาได้
หมวดที่ 9 เทคโนโลยี
เพื่อการศึกษา ( มาตรา 63 – 69 )
มาตรา 63 รัฐต้องจัดคลื่นความถี่ สื่อตัวนำ โครงสร้างพื้นฐานอื่น ที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์
เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษา
มาตรา 64 รัฐส่งเสริม และสนับสนุนการผลิต และพัฒนาแบบเรียน
โดนเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม
บทเฉพาะกาล
( มาตรา 70
– 78 )
มาตรา 70 บรรดา กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 5 ปี
นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้ ( ข้อสอบ )
มาตรา 71 กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานทางการศึกษา และสถานศึกษา ที่มีอยู่ในวันที่ พ.ร.บ.บังคับใช้
ให้ใช้ต่อไป แต่ไม่เกิน 3 ปี
นับแต่วันที่ พ.ร.บ. บี้ บังคับใช้
มาตรา 72 ห้ามมิให้ใช้ มาตรา 10
( การศึกษาพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ) มาบังคับใช้ จนกว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี
นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้
· ภายใน 6 ปี นับแต่วันที่
พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้มีการประเมินภายนอกทุกแห่ง ( 2548 )
มาตรา 75 ให้จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปทางการศึกษา เป็น องค์กรมหาชนเฉพาะกิจ
มาตรา 76 คณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จำนวน
9 คน
มีวาระดำรงตำแหน่งวาระเดียว 3 ปี เมื่อครบแล้วยุบตำแหน่ง และสำนักงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น